คลังความรู้สำหรับคนซื้อบ้าน EP.7: กู้ร่วม vs กู้เดี่ยว 2569: เลือกแบบไหนดี? พร้อมเช็กลิสต์ข้อดี ข้อเสีย และเอกสาร


คลังความรู้สำหรับคนซื้อบ้าน EP.7: กู้ร่วม vs กู้เดี่ยว 2569: เลือกแบบไหนดี? พร้อมเช็กลิสต์ข้อดี ข้อเสีย และเอกสาร
สำหรับคนที่กำลังวางแผนซื้อบ้านหรือคอนโดในปี 2569 หนึ่งในข้อตัดสินใจแรกๆ ที่สำคัญที่สุดก็คือ "จะกู้ร่วม หรือ กู้เดี่ยวดี?" แน่นอนว่าการกู้เดี่ยวให้ความคล่องตัวและกรรมสิทธิ์เต็มร้อย แต่การกู้ร่วม (ไม่ว่าจะกับแฟน พ่อแม่ หรือพี่น้อง) จะช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติวงเงินที่สูงขึ้น บทความนี้จะสรุปข้อดี-ข้อเสียของทั้งสองแบบ พร้อมเอกสารที่ต้องเตรียม เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
กู้ร่วม คืออะไร?
- คำนิยาม: การกู้ร่วม คือ การที่บุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป (สูงสุดมักไม่เกิน 3 คน) ตกลงยื่นสัญญาขอสินเชื่อก้อนเดียวกันกับธนาคาร เพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์หลังเดียวกัน โดยผู้กู้ร่วมทุกคนจะถือเป็น "ลูกหนี้ร่วม" ที่ต้องรับผิดชอบในวงเงินหนี้ทั้งหมดร่วมกัน (ไม่ใช่การหารครึ่ง) และจะมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นร่วมกันตามสัดส่วนที่ตกลงกัน
- ใครกู้ร่วมได้บ้าง:
- คู่สมรส (จดหรือไม่จดทะเบียน)
- พ่อ แม่ พี่ น้อง (สายเลือดเดียวกัน)
- คู่รัก LGBTQ+ (ปัจจุบันหลายธนาคารยอมรับ)
- (เน้นว่า: เพื่อน หรือญาติห่างๆ มักไม่สามารถกู้ร่วมได้)
- เหมาะกับใคร: ผู้ที่ต้องการวงเงินกู้สูง, ผู้ที่เครดิตหรือรายได้คนเดียวไม่พอ, คู่รักที่วางแผนสร้างครอบครัว
ข้อดีของการกู้ร่วม
- เพิ่มวงเงินกู้: ธนาคารรวมรายได้ผู้กู้ร่วม ทำให้ได้วงเงินสูงขึ้น ซื้อบ้านในฝันได้
- โอกาสอนุมัติง่ายขึ้น: เมื่อฐานรายได้สูงขึ้น ความสามารถในการผ่อนชำระก็สูงขึ้นในสายตาธนาคาร
- ช่วยกันผ่อน: มีคนช่วยแชร์ภาระหนี้ (แม้ในทางกฎหมายจะต้องรับผิดชอบร่วมกันก็ตาม)
ข้อเสียและความเสี่ยงของการกู้ร่วม
- หนี้ก้อนเดียว คนรับผิดชอบ 2 คน: (เน้นย้ำ!) หากคนหนึ่งเบี้ยว อีกคนต้องรับผิดชอบหนี้ทั้งหมด ไม่ใช่ครึ่งเดียว
- กรรมสิทธิ์ร่วม: การตัดสินใจใดๆ (ขาย, รีไฟแนนซ์) ต้องได้รับความยินยอมจากผู้กู้ร่วมทุกคน
- ปัญหาความสัมพันธ์: หากเลิกรา หรือมีปัญหากันในอนาคต การจัดการหนี้และกรรมสิทธิ์จะยุ่งยากมาก
- เสียเครดิตทั้งคู่: หากผ่อนไม่ไหว ทั้งคู่จะติดเครดิตบูโร และกู้ซื้อทรัพย์สินอื่นในอนาคตได้ยาก
กู้เดี่ยว คืออะไร?
- คำนิยาม: การกู้เดี่ยว คือ การที่บุคคลเพียงคนเดียวยื่นเรื่องขอสินเชื่อกับธนาคารเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ (เช่น บ้าน, คอนโด, หรือที่ดิน) โดยใช้ชื่อของตัวเองเป็นผู้กู้หลักและผู้รับผิดชอบหนี้ทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นก็จะเป็นชื่อของผู้กู้คนเดียวเต็ม 100%
- เหมาะกับใคร: ผู้มีรายได้มั่นคง, มีเครดิตดี, ต้องการความคล่องตัว, หรือผู้ที่ยังโสด
ข้อดีของการกู้เดี่ยว
- กรรมสิทธิ์ 100%: เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว ตัดสินใจ ซื้อ ขาย โอน ได้เต็มที่
- ความคล่องตัว: ดำเนินการเอกสารคนเดียว รวดเร็วกว่า ไม่ต้องรออีกฝ่าย
- ปิดความเสี่ยง: ไม่ต้องรับผิดชอบหนี้หากผู้กู้ร่วมมีปัญหาในอนาค9
ข้อเสียของการกู้เดี่ยว
- วงเงินจำกัด: วงเงินกู้ขึ้นอยู่กับรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ของเราคนเดียว
- โอกาสอนุมัติ: อาจถูกปฏิเสธได้ง่ายกว่าหากรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ หรือมีภาระหนี้อื่นสูง
ตารางเปรียบเทียบชัดๆ: กู้ร่วม vs กู้เดี่ยว
.png)
สรุปเอกสารสำคัญที่ต้องใช้ในการยื่นกู้ (อัปเดต 2569)
เอกสารส่วนบุคคล (เตรียมทั้งผู้กู้หลักและผู้กู้ร่วม)
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- เอกสารเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)
- สำเนาทะเบียนสมรส/ใบหย่า (ถ้ามี)
- กรณีคู่รักไม่จดทะเบียน/LGBTQ+: อาจต้องใช้เอกสารแสดงความสัมพันธ์ เช่น ทะเบียนบ้านเดียวกัน, ภาพถ่าย, บัญชีร่วม (แล้วแต่ธนาคาร)
เอกสารทางการเงิน
- พนักงานประจำ:
- สลิปเงินเดือน (ย้อนหลัง 3-6 เดือน)
- หนังสือรับรองเงินเดือน (ตัวจริง)
- Statement หรือรายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
- อาชีพอิสระ/เจ้าของกิจการ:
- Statement ย้อนหลัง 6-12 เดือน
- หนังสือรับรองการจดทะเบียน/ใบทะเบียนการค้า
- หลักฐานการเสียภาษี (ภ.พ.30, ภ.ง.ด. 90/91)
- รูปถ่ายกิจการ/สัญญาจ้าง (ถ้ามี)
เอกสารหลักประกัน
- สำเนาโฉนดที่ดิน
- สัญญาจะซื้อจะขาย / ใบจอง
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
- Q: กู้ร่วมแล้ว ถอนชื่อทีหลังได้ไหม?
- A: ทำได้ยากมาก ส่วนใหญ่ต้องทำเรื่อง "รีไฟแนนซ์" (Refinance) ไปธนาคารใหม่ในชื่อคนเดียว ซึ่งธนาคารใหม่จะประเมินรายได้เราคนเดียวว่าไหวหรือไม่
- Q: กู้ร่วมกับแฟน (ไม่จดทะเบียน) ได้ไหม?
- A: ปัจจุบัน (2569) หลายธนาคารเปิดกว้างมากขึ้น แต่เงื่อนไขจะเข้มงวดกว่าคู่สมรส หรืออาจต้องใช้เอกสารพิสูจน์ความสัมพันธ์
- Q: ถ้าผู้กู้ร่วมติดเครดิตบูโร จะกู้ผ่านไหม?
- A: โอกาสผ่านน้อยมาก หรือแทบไม่มีเลย เพราะธนาคารจะพิจารณาเครดิตของทุกคนที่ยื่น
สรุปส่งท้าย: เลือกแบบไหนให้เหมาะกับเราที่สุด
การกู้ร่วมเปิดโอกาสให้ได้วงเงินสูงขึ้น แต่ก็มาพร้อมความรับผิดชอบและกรรมสิทธิ์ร่วมที่ต้องจัดการให้ชัดเจน ส่วนการกู้เดี่ยวแม้จะวงเงินน้อยกว่า แต่ก็ให้ความสบายใจในระยะยาว หากไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ของผู้กู้ร่วม หรือต้องการความคล่องตัว การพยายามกู้เดี่ยวอาจเป็นคำตอบที่ดีที่สุด แต่หากมั่นใจและวางแผนร่วมกัน การกู้ร่วมก็เป็นเครื่องมือชั้นดีในการสร้างอนาคต
อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกันได้ที่
คลังความรู้สำหรับคนซื้อบ้าน EP.4: สรุปมาตรการรัฐลดค่าโอน 2569: 0.01% ยังอยู่! ขยายเพดาน 7 ล้าน
คลังความรู้สำหรับคนซื้อบ้าน EP.5: เทรนด์แต่งบ้าน 2569: เมื่อ ‘Modern English’ พบ ‘Minimaluxe’
คลังความรู้สำหรับคนซื้อบ้าน EP.6: 10 เหตุผลที่ธนาคาร 'ปฏิเสธ' สินเชื่อบ้าน 2569
